อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อในบริเวณต่างๆ หรือโรคที่เกิดจากกล้ามเนื้อและกระดูก มักมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการดำเนินชีวิตประจำวันที่ทำซ้ำๆ เดิมๆ ติดต่อกันเป็นเวลานาน เช่น การนั่งทำงาน การขับรถ การยืน หรือแม้แต่การก้มหน้าเล่นสมาร์ทโฟน ซึ่งโรคที่เกิดจากพฤติกรรมเหล่านี้ สามารถรักษาและฟื้นฟูให้หายได้ ด้วยวิธีทางคลินิกกายภาพบำบัด โดยไม่ต้องทานยา หรือผ่าตัด แต่ก็ยังมีผู้ป่วยบางรายสงสัยว่าทำไมกายภาพบำบัดต้องรักษาอย่างต่อเนื่อง

กว่าร่างกายจะแสดงอาการเจ็บป่วยออกมา ก็ต้องใช้ระยะเวลาในการสะสมความเจ็บป่วยนั้นจากน้อยไปหามาก จนถึงขั้นแสดงอาการเด่นชัดออกมา เช่น ตึง ปวด ชา  ดังนั้นในการรักษาและฟื้นฟูก็เช่นกัน การรักษาด้วย กายภาพบำบัด ก็จะใช้เครื่องมือที่ทันสมัยเข้ามาช่วยรักษา ฟื้นฟู ซ่อมแซม และบรรเทาอาการปวด ชา ต่างๆ และจะเริ่มเห็นผลดีขึ้นจากน้อยไปหามาก  ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาการรักษาอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอ  ร่วมกับการปรับพฤติกรรมการดำเนินชีวิตประจำวันของคนไข้ คลินิกกายภาพบำบัดจึงต้องคอยแนะนำท่ายืน ท่าเดิน ท่านั่ง ท่านอน และท่าบริหารร่างกายส่วนต่างๆ ที่ถูกต้องให้กับผู้ป่วย เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถนำกลับไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันต่อไป  หากเราไม่รักษาอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ ก็อาจจะเห็นผลการรักษาช้าและไม่ชัดเจนนั่นเอง

การออกกำลังกาย บริหารร่างกาย และการใช้เครื่องมือทางกายภาพบำบัดเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อให้เกิดการขยับ และคลายความตึงแข็ง ทำให้กล้ามเนื้อมีความยืดหยุ่น และค่อยๆ ฟื้นฟู ปรับสภาพให้เข้าสู่สภาวะปกติในที่สุด ซึ่งในทางคลินิกกายภาพบำบัดไม่ว่าจะรักษาด้วยวิธีใดก็ตาม ก็ต้องใช้ระยะเวลา บวกกับความมีวินัยของผู้ป่วย จึงจะทำให้ผลลัพธ์ในการรักษาออกมาดีที่สุด

ออฟฟิศซินโดรมก็เป็นอีกโรคที่พบได้ในคนจำนวนมาก เพราะด้วยการใช้ชีวิตประจำวันที่มีความเร่งรีบ ต้องทำงานหนักเป็นระยะเวลานานอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลายๆคนไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือมีเวลาพักกล้ามเนื้อในส่วนที่มีการใช้งานบ่อยๆได้ หากเป็นออฟฟิศซินโดรมในระยะแรกเริ่ม ก็อาจบรรเทาอาการได้ด้วยการเปลี่ยนสภาพแวดล้อม ปรับพฤติกรรมใหม่ หรือทำท่าบริหารแก้ออฟฟิศซินโดรมได้ด้วยตนเอง แต่ถ้าหากเราเป็นออฟฟิศซินโดรมในระยะที่เริ่มรุนแรงจนไม่สามารถบริหารร่างกายได้ด้วยตนเอง การเข้ารับการรักษาในคลินิกกายภาพบำบัด อาจเป็นตัวเลือกที่ดีที่จะช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้